หลักสูตรการสอนแบบมอนเตสซอรี่ ดร.มาเรีย มอนเตสซอรี่
ผู้ริเริ่มคิดและจัดตั้งวิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่
จากความเชื่อในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กในระยะเริ่มต้นว่า
จุดมุ่งหมายในการให้การศึกษาในระยะแรกนั้น ไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกให้เด็ก
แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการตามธรรมชาติของเขา |
การที่จะช่วยให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามขั้นตอนของความสามารถนั้น
ควรจะต้องพัฒนาการสอนให้สัมพันธ์กับพัฒนาการความต้องการของเด็ก
ที่ต้องการจะเป็นอิสระในขอบเขตที่กำหนดไว้ให้
ตลอดจนการจัดสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์ และพิถีพิถัน การสอนแบบมอนเตสซอรี่
ได้มาจากการที่มอนเตสซอรี่ได้สังเกตเด็กในสภาพที่เป็นจริงของเด็ก
ไม่ใช่สภาพที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กเป็น |
จากการสังเกตเด็กจึงได้พัฒนาวิธีการสอน การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อม
และอุปกรณ์การสอนต่างๆ ขึ้นมาใช้
โดยเริ่มต้นจากการทดลองที่โรงเรียนที่มอนเตสซอรี่เข้าไปรับผิดชอบ
ที่เรียกว่า Casa Dei Bambini หรือ Children's House
แล้ววิธีการสอนนี้จึงได้แพร่หลายต่อไปจนทั่วโลกเช่นในปัจจุบัน |
|
ปรัชญาและหลักการของการสอนแบบมอนเตสซอรี่ |
1.
เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ
เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือในสภาพที่แตกต่างไปจากผู้ใหญ่
เราต้องยอมรับนับถือเด็กในลักษณะเฉพาะของเด็กแต่ละคน
เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ควรจัดการศึกษาให้เด็กแต่ละคนตามความสามารถ
และความต้องการตามธรรมชาติของเขา
โดยการพัฒนาการสอนให้สัมพันธ์กับพัฒนาการความต้องการของเด็ก |
2. เด็กที่มีจิตซึมซาบได้
มนุษย์เรานี้เป็นผู้ให้การศึกษาแก่ตนเอง และเปรียบจิตของเด็กเหมือนฟองน้ำ
ซึ่งจะซึมซาบข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม เด็กใช้จิตในการหาความรู้
ซึมซาบเอาสิ่งต่างๆ เข้าไปในจิตของตนเองได้ ( the absorbent mind )
ในการพัฒนาของจิตที่ซึมซาบได้มีทั้งระดับที่เราทำไปโดยที่รู้สึกตัว
และโดยไม่รู้สึกตัว อายุตั้งแต่เกิดถึง 3 ขวบ
เป็นช่วงที่จิตซึมซาบโดยไร้ความรู้สึก โดยการพัฒนาประสาทที่ใช้ในการเห็น
การได้ยิน การลิ้มรส การดมกลิ่น และการสัมผัส เด็กจะซึมซาบทุกสิ่งทุกอย่าง |
3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต คือ
คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
สำหรับการเรียนรู้ในระยะแรกเป็นช่วงพัฒนาสติปัญญา
และเด็กสามารถเรียนทักษะเฉพาะอย่างได้อย่างดี ครูจะต้องช่างสังเกต
และใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการจัดการเรียนการสอนให้สมบูรณ์ที่สุด |
4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม
มอนเตสซอรี่เชื่อว่า
เด็กเรียนได้ดีที่สุดในสภาพการจัดสิ่งแวดล้อมที่ได้ตระเตรียมเอาไว้อย่างมีจุดหมาย
การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมเช่นนี้เพื่อให้เด็กได้มีอิสระจากการควบคุมของผู้ใหญ่
เด็กจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ ตามความคิดของตนเองบ้าง |
5. การศึกษาด้วยตนเอง
เด็กสามารถเรียนได้ด้วยตนเองจากการที่เด็กมีอิสระในสิ่งแวดล้อมที่จัดเตรียมไว้อย่างสมบรูณ์
การมีอิสระนี้มอนเตสซอรี่กล่าวว่า ไม่ใช่สัญลักษณ์ของเสรีภาพเท่านั้น
แต่หมายถึงเส้นทางไปสู่การศึกษา เด็กมีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้
ระเบียบวินัยของชีวิตโดยการมีอิสระภาพในการทำงานด้วยตนเอง
แก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง |
การศึกษาด้วยตนเอง ควรจะมีบทบาทมากขึ้นในวงการศึกษา
และควรจะเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนเพิ่มขึ้น
ลดวิธีการให้ครูเป็นศูนย์กลางในการเรียน |
|
จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่ |
จุดมุ่งหมายของการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่ คือ ช่วยพัฒนา
หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย
สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่ คือ
การจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของเด็ก
เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา |
ลักษณะการสอนระบบนี้
เด็กจะก้าวหน้าไปตามธรรมชาติของการพัฒนาการของเด็ก
เด็กมีอิสรภาพในการเลือกจากสิ่งแวดล้อมที่มีสิ่งต่างๆ ซึ่งสนองความพอใจ
และความต้องการภายในความรู้สึกของเขา เป็นการจัดระบบของตนเอง
เพื่อเด็กจะได้ปรับตัวเข้ากับสภาพของชีวิต |
มอนเตสซอรี่
กล่าวย้ำถึงสิทธิของเด็กในการพัฒนาบุคลิกภาพของเขาในการเรียน
สิทธิที่จะมีอิสระในการทำกิจกรรม สำรวจโลกสำหรับตัวของเขาเอง
และก็เรียกร้องสิทธิในการที่จะมีสภาพการทำงานที่เหมาะสม |
เด็กปกติในสิ่งแวดล้อมของมอนเตสซอรี่
จะพัฒนาการเรียนรู้ในการทำงานด้วยตนเอง และความรู้สึกของความรับผิดชอบ
มีวิธีการที่จะควบคุมตนเองได้สำเร็จ
เด็กเรียนรู้ในการที่จะรับผิดชอบต่อตนเองเป็นเบื้องแรก
แล้วก็ต่อสภาพการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เขาได้พบตัวของเขาเอง |
การพัฒนาการทางสังคมสำเร็จได้
ก็ด้วยการมีชีวิตทางสังคมที่แท้จริงในห้องเรียน
เด็กเรียนรู้ที่จะทำหน้าที่ของแต่ละบุคคล
และในสภาพของการเป็นสมาชิกของกลุ่ม และมีส่วนร่วมในการที่จะต้องรับผิดชอบ
และรู้จักที่จะรอคอยความสำเร็จของการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่
พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และการปรับตัวทางด้านสังคมมีส่วนร่วมอยู่มาก |
บุคลิกภาพทั้งหมดของเด็กจะได้รับการพัฒนา
สติปัญญา
ความสามารถในการแยกแยะ ความคิดริเริ่ม และการเลือกอย่างอิสระ
มีอารมณ์ที่เหมาะสม เด็กได้รับการฝึกให้มีคุณภาพพื้นฐานทางสังคม
ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นพลเมืองดี |
|
หลักสูตรของการสอนแบบมอนเตสซอรี่ |
วิถีทางของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้น
เป็นหลักการที่คำนึงถึงเด็ก ความต้องการของเด็กในการเรียน
ได้มีการตระเตรียมสิ่งแวดล้อมให้เด็กได้ทำงานด้วยตนเอง สิ่งแวดล้อม
และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ นั้น ได้จัดระบบไว้เพื่อให้เด็กได้พัฒนาตนเอง
โปรแกรมจัดเอาไว้ให้เด็กได้เป็นผู้เรียนที่มีอิสระ
การควบคุมความผิดพลาดในการทำงานก็ด้วยการใช้วัสดุเหล่านั้นเอง
และสิ่งแวดล้อมที่จัดเอาไว้ให้นี้เองเป็นตัวที่ทำให้เด็กมีอิสระ |
มอนเตสซอรี่เชื่อว่า การที่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการด้วยตนเอง
และการซึมซาบการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม
จะทำให้เด็กได้ในสิ่งที่ต้องการจากการเรียนรู้
เด็กจะได้รับเสรีภาพในขอบเขตที่จำกัด
จากสิ่งแวดล้อมที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ให้
และจะทำให้เด็กได้รับผลสำเร็จตามความต้องการของเขา |
หลักสูตรพื้นฐานสำหรับเด็กอายุ 3 ถึง 6 ขวบ แบ่งเป็น 3
กลุ่มใหญ่:การศึกษาทางด้านทักษะกลไก (Motor Education)
การศึกษาทางด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses)
และการตระเตรียมสำหรับการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation for Writing and
Arithmetic) |
|
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ |
โรงเรียนที่ใช้การสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้น
กิจกรรมถือเป็นส่วนสำคัญของสิ่งต่างๆ ที่ดำเดินไปในโรงเรียน
มอนเตสซอรี่เชื่อว่า
เด็กเล็กควรจะเรียนด้วยร่างกายทั้งหมดโดยเน้นทางด้านการฝึกฝนทางประสาทสัมผัส
กิจกรรม หรืองานที่เด็กทำจะต้องมีความหมาย |
อุปกรณ์การเรียนได้วางรูปแบบเอาไว้ให้เด็กได้ทำงานต่างๆ
เป็นไปตามขั้นตอนงานจะกระตุ้นทำให้เด็กทำงานต่อไป
การเขียนก็เป็นจุดรวมของทั้งการเห็น การได้ยินและการสัมผัส
การแสดงออกทางการเขียนจะผ่านขั้นตอนต่างๆ
จากการสัมผัสรูปทรงเลขาคณิตสัมผัสรูปพยัญชนะ สระ จากบัตรตัวอักษรกระดาษทราย
|
ใช้ดินสอสีลากไปตามกรอบแผ่นภาพโลหะ
และเติมลายเส้นไปในกรอบแผ่นภาพโลหะที่ว่างเอาไว้
ประสมคำโดยใช้ตัวอักษรต่างๆ และเขียนคำลำดับจากรูปธรรมไปสู่นามธรรมนี้
เป็นแนวคิดแฝงอยู่ในการจัดอุปกรณ์การเรียน |
ในการทำงาน
ครูจะต้องคอยสังเกตว่าเด็กพร้อมที่จะเรียนอุปกรณ์ในขั้นต่อไปหรือยังตามลำดับยากง่าย
หรือตามที่นกเรียนร้องขอ การแสดงอุปกรณ์มี 3 ขั้นตอนด้วยกัน คือ |
|
ขั้นที่ 1
เชื่อมโยงการรับรู้ทางประสาทสัมผัสกับชื่อ
. " นี่คือ แขนงไม้ " |
ขั้นที่ 2
รู้จักชื่อของสิ่งของ
" หยิบแขนงไม้มาให้ครูซิ " |
ขั้นที่ 3
จำชื่อได้สอดคล้องกับอุปกรณ์
" นี่คือ อะไร " |
|
ขั้นตอนนี้ จะใช้เมื่อเด็กเรียนรู้ชื่อของอุปกรณ์ คุณภาพ
หรือประสบการณ์ บทเรียนนั้นจะมีลักษณะสั้น ง่าย และเป็นปรนัย
ถ้าเด็กหยิบอุปกรณ์ไม่ถูกก็ต้องหยิบออกไปแล้วให้เด็กรอโอกาสทำต่อไป |
|
วิธีการสอนสามขั้นตอน ( The Three-Period Lesson
) |
เป็นวิธีการที่ใช้สำหรับสอนความคิดรวบยอดใหม่ด้วยการทำซ้ำ
เพื่อช่วยให้เด็กเข้าใจในแบบฝึกหัดที่ครูสาธิตให้ดูได้ดีขึ้น
การสอนนี้ยังช่วยให้ครูสังเกตเห็นว่าเด็กสามารถเข้าใจ
และซึมซาบสิ่งที่สาธิตให้เด็กดูได้ว่องไวแค่ไหน
วิธีการสอนสามขั้นตอนนี้ใช้กับการสาธิตขั้นตอน
เมื่อเด็กไม่เข้าใจขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจะต้องเริ่มสาธิตให้ดูใหม่ครูต้องแน่ใจว่า
เด็กเข้าใจในสิ่งที่ทำให้ดูแล้ว จึงจะดำเนินขั้นต่อไป |
วิธีการสอนสามขั้นตอนดังกล่าว Hainstock อธิบายไว้ ดังนี้ |
ขั้นแรก
สังเกตเห็นลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้น ( Recognition of Identity )
ทำให้เชื่อมโยงสิ่งที่ครูสาธิตให้ดูกับชื่อของสิ่งนั้นได้ นี่ คือ
|
ขั้นสอง สังเกตเห็นความแตกต่าง (
Recognition of Contrasts ) มั่นใจว่า เด็กเข้าใจเมื่อบอกเด็กว่า หยิบ
|
ขั้นสาม
เห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งของที่มีความคล้ายคลึงกัน ( Discrimination
Between Similar Objects )
ขั้นตอนนี้เพื่อที่จะได้ทราบว่าเด็กจำชื่อสิ่งต่างๆ
ที่ครูสาธิตให้ดูได้หรือเปล่า เช่น ชี้ที่ของหลายๆ สิ่ง แล้วถามว่า
อันไหน คือ
|
|